วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2554

การตั้งชื่อบุคคล

การตั้งชื่อบุคคล

   ในวันที่คนเราเกิดมาสภาพความเป็นบุคคลเกิดขึ้นตามกฎหมาย    เราได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายในฐานะที่เป็นมนุษย์คนหนึ่งทันที  แต่ทั้งนี้เราไม่อาจได้รับความคุ้มครองจากรัฐในทุกด้านเนื่องจากรัฐยังไม่มีข้อมูลของเรา   ฉะนั้นเราจึงต้องไปแจ้งเกิดต่อนายทะเบียน  โดยในการแจ้งเกิดนั้นต้องมีการแจ้งชื่อด้วย     และในการตั้งชื่อของบุคคลแต่ละคนนั้นกฎหมายก็ได้กำหนดเงื่อนไข  และข้อห้ามไว้บางประการ  ชื่อของคนเรามีกี่ประเภท  และชื่อไหนตั้งไม่ได้ กฎหมายกำหนดขอบเขตไว้ดังต่อไปนี้

ประเภทของชื่อ
   ชื่อของคนเราตาม พระราชบัญญัติชื่อบุคคล พ.ศ. 2505 แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
   1. ชื่อตัว  หมายถึง ชื่อประจำตัวบุคคล หรือที่เราเรียกกันโดยทั่วไปว่า  "ชื่อจริง"
   2. ชื่อรอง หมายถึง ชื่อประกอบถัดจากชื่อตัว หรือที่เราเรียกกันโดยทั่วไปว่า "ชื่อเล่น"
   3. ชื่อสกุล หมายถึง ชื่อประจำวงศ์สกุล หรือที่เราเรียกกันทั่วไปว่า "นามสกุล"

1. ชื่อตัว
   การตั้งชื่อตัว หรือที่เรานิยมเรียกกันว่า"ชื่อจริง"นั้น ต้องไม่พ้องหรือไม่คล้ายกับพระปรมาภิไธย  พระนามของพระราชินี หรือราชทินนาม  กล่าวคือต้องไม่เหมือนหรือคล้ายกับพระปรมาภิไธยหรือหรือพระนามของพระราชินี หรือราชทินนาม ไม่ว่าจะเป็นพ้องรูปหรือพ้องเสียงก็ตาม ทั้งจะต้องไม่มีความหมายหยาบคาย

2. ชื่อรอง
   การตั้งชื่อรอง  หรือชื่อเล่นนั้นมีขอบเขตเหมือนกับการตั้งชื่อตัว หากแต่ต่างกันตรงที่กฎหมายไม่บังคับให้มีชื่อรอง ฉะนั้นชื่อรองจะมีหรือไม่ก็ได้

3.ชื่อสกุล
   การตั้งชื่อสกุล หรือนามสกุลนั้นกฎหมายกำหนดขอบเขตไว้ดังนี้
   1. ไม่พ้องหรือมุ่งหมายให้คล้ายกับพระปรมาภิไธยหรือพระนามของพระราชินี
  2.ไม่พ้องหรือมุ่งหมายให้คล้ายกับราชทินนาม เว้นแต่ราชทินนามของตน ของผู้บุพการี หรือของผู้สืบสันดาน
  3.ไม่ซ้ำกับชื่อสกุลที่ได้รับพระราชทานจากพระมหากษัตริย์ หรือชื่อสกุลที่ได้จดทะเบียนไว้แล้ว
  4.ไม่มีคำหรือความหมายหยาบคาย
  5.มีพยัญชนะไม่เกินกว่าสิบพยัญชนะ เว้นแต่กรณีใช้ราชทินนามเป็นชื่อสกุล

  เมื่อเป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวข้างต้นแล้วเราก็สามารถตั้งชื่อตามความต้องการของเราได้  แต่ถ้าหากนายทะเบียนไม่รับจดทะเบียนให้กับเรา  เราสามารถยื่นอุทธรณ์ได้โดยยื่นอุทธรณ์ต่อนายทะเบียนที่ไม่รับจดทะเบียน   แล้วนายทะเบียนจะดำเนินการส่งคำอุทธรณ์นั้นไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเพื่อพิจารณาสั่ง  โดยคำสั่งของรัฐมนตรีไม่ว่าจะอนุญาตให้เรามีชื่อตามที่เราต้องการหรือไม่ก็ตามคำสั่งดังกล่าวย่อมเป็นที่สุด  ฉะนั้นหากรัฐมนตรีมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ใช้ชื่อตามที่เราต้องการ เราก็ต้องเปลี่ยนชื่อของเราให้ตรงตามหลักเกณฑ์ในเบื้องต้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น