1.สำหรับคนที่มีเงินเดือนก็ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.91 (ป.รัษฎากร มาตรา 40(1) อย่างเดียว) คำนวณได้ ดังนี้
นำเงินได้พึงประเมิน ประเภทเงินเดือน ค่าจ้าง ฯลฯ ที่ได้รับตั้งแต่เดือนมกราคม - ธันวาคม ของปีที่ผ่านมารวมกันเป็นเงินได้สุทธิ แล้วหักออกด้วยค่าใช้จ่าย และหักค่าลดหย่อน เหลือเงินได้สุทธิเท่าไหร่ให้นำมาคำนวณภาษีตามอัตราที่กฎหมายกำหนด (ผมจะบอกช่วงท้ายครับ) แล้วนำภาษีที่เราถูกหัก ณ ที่จ่าย มาหักออกจากภาษีที่เราต้องชำระ
2. สำหรับคนที่มีรายได้อันไม่ใช่เงินเดือน(ป.รัษฎากร มาตรา 40(2)-(8) )หรือมีรายได้อันเป็นเงินเดือนประกอบกับรายได้อื่นๆที่ไม่ใช่เงินเดือน (ป.รัษฎากร มาตรา 40(1)และ40(2)-(8) )ต้องยื่นแบ ภ.ง.ด. 90 คำนวณได้ 2 วิธีดังนี้
วิธีแรก คำนวณจากเงินได้สุทธิ
นำเงินได้พึงประเมิน ที่ได้รับตั้งแต่เดือนมกราคม - ธันวาคม ของปีที่ผ่านมารวมกันเป็นเงินได้สุทธิ แล้วหักออกด้วยค่าใช้จ่าย และหักค่าลดหย่อน เหลือเงินได้สุทธิเท่าไหร่ให้นำมาคำนวณภาษีตามอัตราที่กฎหมายกำหนด (ผมจะบอกช่วงท้ายครับ) แล้วนำภาษีที่เราถูกหัก ณ ที่จ่าย รวมทั้งภาษีที่เราชำระตามแบบภ.ง.ด. 94 (ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปี)มาหักออกจากภาษีที่เราต้องชำระ เพราะเราจ่ายไปแล้วนั่นเอง
วิธีที่สอง คำนวณจากเงินได้พึงประเมิน
ให้นำเงินได้พึงประเมินที่ได้รับตั้งแต่เดือนมกราคม - ธันวาคม ของปีที่ผ่านมาตามมาตรา 40(2)-(8) ตั้งแต่ 60,000 บาทขึ้นไป โดยนำเงินได้พึงประเมินทั้งหมดไปคำนวณภาษีอัตรkร้อยละ 0.50 ผลลัพธ์เท่ากับภาษีที่เราต้องจ่าย แต่เราสามารถนำภาษีที่เราถูกหัก ณ ที่จ่าย และภาษีที่ชำระตามแบบภ.ง.ด. 94 (ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปี)มาหักออกได้ เพราะเราได้จ่ายไปแล้วส่วนหนึ่งนั่นเอง
ทั้งสองวิธีที่บอกมาเราเลือกไม่ได้ครับ เพราะกฎหมายบังคับว่าวิธีใดคำนวณได้มากที่สุดให้ใช้วิธีนั้นครับ
อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
1-150,000 150,000 ได้รับยกเว้น - -
150,001-500,000 350,000 10 35,000 35,000
500,001-1,000,000 500,000 20 100,000 135,000
1,000,001-4,000,000 3,000,000 30 900,000 1,035,000
4,000,001 บาทขึ้นไป 37
การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เงินได้สุทธิส่วนที่ไม่เกิน 150,000 บาท มีผลใช้บังคับสำหรับเงินได้สุทธิที่เกิดขึ้นในปี 2551 เป็นต้นไปครับ